Tuesday, February 19, 2008

จิตอาสาที่บ้านคุณยายจิต


การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
วันนี้อากาศไม่ดี มีฝนตกตอนเช้า ผมมีอาการกังวลว่าเราจะทำงานไม่ได้ แต่พอสายๆ ฟ้าเริ่มเปิด ก็สบายใจขึ้น ตอนที่อยู่ในรถตู้เราคุยกันเกี่ยวกับงานที่จะทำในวันนี้ เสร็จแล้วเราก็คุยกันอีกหลายเรื่อง ทำให้บรรยากาศสนุกมาก เมื่อไปถึง ครูผู้ชายก็ขนอุปกรณ์แล้วเดินไปด้านหลังบ้าน เริ่มลอกคลองทันที ความรู้สึกตอนนี้มีความสุขมาก ผมสนุกเพราะได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ เราคุยกันไป ทำกันไป มีปัญหาเรื่องต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในน้ำ จะเอาขึ้นอย่างไร เราก็ปรึกษากัน มีความรู้สึกสุข ๒ อย่าง คือ ๑. ได้ช่วยยายจิต อย่างที่ตั้งใจไว้อีกครั้ง ๒. ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ที่สนิทกัน วันนี้งานเสร็จประมาณ ๘๐% จริงๆ อยากให้เสร็จทั้งหมด แต่ไม่ไหวจริงๆ ทุกคนหมดแรงแล้ว ในใจผมแอบคิดว่า ถ้าเพื่อนๆ มีเวลาว่างพร้อมๆ กัน น่าจะมาอีกครั้ง ๑. อยากทำแนวกันขยะไม่ให้ลอยเข้ามาในบริเวณบ้าน ๒. อยากทำกับข้าวแล้วนั่งกินข้าวกับยายจิตครับ
คุณเรวัต อภินันท์พร (ครูโม่)




การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบากของคุณยายจิต ได้รับความทุกข์ยากมาก เห็นการใช้ชีวิตเพียงลำพังของหญิงชราคนหนึ่งที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ใช้ชีวิตอย่างอดอยากและขาดสุขอนามัยที่ดี แม้บ้านเรือนรอบๆ จะเป็นตึกคอนกรีต มีความเป็นอยู่ที่ดี แต่บ้านคุณยายกลับแตกต่างกันกับตึกเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ รู้สึกเวทนาคุณยายจิตที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดายในบ้านหลังเก่าๆ โทรมๆ โดยขาดลูกหลานดูแล แต่ก็รู้สึกถึงน้ำใจและกำลังใจจากคณะที่ไปจิตอาสาในครั้งนี้ ที่ทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถ ที่จะช่วยคุณยาย ซึ่งเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกใบนี้
๓. จะทำอะไรต่อไป หากมีจิตอาสาครั้งต่อไป ก็จะขออาสาไปช่วยอีกในโอกาสต่อๆ ไป
ครูเอิร์ธ (บรรณารักษ์อาศรมศิลป์)



การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ เห็นสภาพความเป็นอยู่ของยายจิตจากครั้งแรก กับการไปครั้งนี้ เห็นสภาพที่บ้านพักของยายดูสะอาด และเหม็นน้อยกว่าครั้งแรกที่ได้ไปเยี่ยม สภาพรอบบ้านของยายมีขยะเยอะ และได้เอาตัวเองลงมือปฏิบัติ ทำการเก็บขยะที่อยู่ในคลองหลังบ้าน ซึ่งมีจำนวนมาก
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานบำเพ็ญประโยชน์ ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการช่วยเหลือ และได้เห็นกระบวนการทำงานของทีมครูพละ ที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เต็มใจ
๓. จะทำอะไรต่อไป ถ้ามีโอกาสออกจิตอาสา จะออกจิตอาสาอีก
คุณชลกร ศุทธิวัฒนานนท์




การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ ไปจิตอาสาครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองที่ไปบ้านคุณยายจิต เห็นว่าหน้าบ้าน ในบ้านยายจิตสะอาดมากขึ้นกว่าครั้งก่อน รวมทั้งกลิ่นปัสสาวะ กลิ่นเหม็นต่างๆ ก็น้อยลง ครั้งนี้ได้ช่วยทำความสะอาดบนบ้าน โดยเริ่มจากช่วยพี่ผวนอาบน้ำแต่งตัวให้คุณยาย แล้วอุ้มคุณยายมานั่งเล่นอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เก็บผ้าห่มส่งให้เพื่อนๆ ลงมาตากแดด ช่วยพยาบาลบุษขัดพื้นห้องนอนให้สะอาด นำเสื่อน้ำมันที่รองนอนมาเช็ดแล้วตากแดด เช็ดพื้นระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเสร็จบนบ้าน ได้ไปช่วยด้านล่างเก็บขยะในคูน้ำหลังบ้าน ใช้คราดเกี่ยวลูกมะพร้าว เศษไม้ ขึ้น และใช้กะเนาะตักเศษไม้เล็กๆ โฟม รองเท้า พลาสติกฯ จากขยะที่หนา พวกเราช่วยกันตักจนหมด พวกเรา ๑๘ คน ร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันทำความสะอาดบ้านคุณยาย ซักผ้า ตากผ้า เก็บขยะคูหลังบ้าน ใช้เวลาเพียง ๓ ชั่วโมง เที่ยงครึ่งร่วมถ่ายภาพกับคุณยาย คุณยายให้พรพวกเรา แล้วเราก็ลากลับ
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ ไปครั้งนี้ได้เรียนรู้ใจตัวเอง เมื่อเราตั้งใจจะทำความสะอาดให้คุณยาย กลิ่นปัสสาวะ กลิ่นเหม็นต่างๆ รู้สึกว่าได้กลิ่นน้อยลงไปเลย รู้สึกว่าทุกคนมีคุณค่า เด็กๆ ใช้แรงไม่ไหวก็ทำหน้าที่นั่งคุยกับคุณยายแทน รู้สึกอิ่มใจที่เห็นบ้านคุณยายสะอาด คุณยายจะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ยิ่งอิ่มเอมใจมากเมื่อคุณยายให้พรพวกเรา
๓. จะทำอะไรต่อไป อยากให้จิตอาสาไปบ้านยายจิตอีก เพราะถ้าพวกเราไปช่วยกันทำความสะอาด คุณยายก็จะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี คุณยายจะได้ไม่เหงา มีพวกเราไปเยี่ยมบ่อยๆ ตั้งใจจะกลับไปบ้านตัวเองให้บ่อยมากขึ้น จะได้ช่วยแม่ทำความสะอาดบ้าน
คุณอุไรวรรณ แย้มเย็น
การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ ในการไปบ้านยายจิตในครั้งที่ ๒ นี้ ดีกว่าการมาครั้งแรกมาก เพราะเราได้เห็นได้รู้สิ่งต่างๆ มาจากในการไปครั้งแรกมาแล้ว ทำให้เราเตรียมตัว และเตรียมใจได้ดีมากขึ้น ในครั้งนี้รู้สึกว่าบริเวณบ้านของยายดูดี ไม่สกปรกกว่าในครั้งแรก แต่ครั้งนี้ภารกิจหลักๆ เลย คือ การลอกคลองเอาขยะขึ้นมาจากในคลอง ขยะในคลองนั้นเยอะมากๆ บวกกับมีต้นไม้ที่ขวาง อบต.มาตัดทิ้งไว้หล่นลงไปในน้ำอีก ๒ ต้นใหญ่ๆ ทำให้เป็นอุปสรรคในการนำขยะขึ้นมา พวกเราจึงต้องช่วยกันตัดต้นไม้ ๒ ต้นนั้น และดึงขึ้นมาอยู่บนฝั่ง ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุก เพราะทุกคนช่วยเหลือกัน
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ ในการไปจิตอาสาครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนมาก เพราะเราอยากไปทำให้บ้านยายจิตให้ดีขึ้น เพราะเราเห็นภาพจากในครั้งแรกแล้ว รู้สึกอยากช่วยเหลืออยากทำให้ดีขึ้น เราไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะไปช่วยยาย แต่เรายังมีกำลังกายที่เราสามารถนำไปช่วยยายหรือคนอื่นๆ ต่อไปได้
๓. จะทำอะไรต่อไป ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปช่วยเหลือยายอีกครับ
คุณจักรพันธ์ บุญกรด


การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ ในครั้งนี้ที่ได้ช่วยดูแลและทำความสะอาดบ้านของคุณยายเป็นครั้งที่ ๒ พอลงจากรถได้เห็นคุณยายอยู่ในมุ้ง แกเปิดมุ้งออกมา ทั้งๆ ที่นอนอยู่ ได้ยินแกพูดว่า “ใครมาล่ะ” ด้วยน้ำเสียงของผู้ที่รอคอยอย่างมีความหวัง ภายในบ้านของคุณยายเป็นเหมือนกับครั้งแรกที่ได้ไปเห็น ด้วยกลิ่นสาปอุจจาระและปัสสาวะที่มีอยู่เต็มไปหมด
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ รู้สึกอยากไปช่วยดูแล ทำความสะอาดบริเวณบ้านให้ คือ มีความต้องการจะช่วยมาก มีความภูมิใจที่ได้พูดคุยกับคุณยาย และยายก็มีสีหน้าที่มีความสุข ที่มีคนมาหามาช่วยมาคุยด้วย
๓. จะทำอะไรต่อไป สิ่งที่ได้ช่วยได้ทำ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจที่สุดในใจ คือ การได้มีโอกาสช่วยเหลือนั้นจะทำอย่างสุดกำลัง สิ่งที่เราทำได้ช่วยเหลือใครได้นั้น เราก็จะมีความสุขเสมอที่ได้ช่วย ด้วยความภูมิใจจะทำสิ่งดีๆ เสมอ
คุณภัทนวัฒน์ เจริญสุข



การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๒ ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นที่เป็นคนๆ เดียวกัน นั่นคือยายจิตผู้อาภัพแห่งเมืองบ้านแพ้ว ในครั้งนี้ตัวผมไม่ได้ใกล้ชิดยาย เนื่องจากงานของผมคือการลอกคลองที่มีแต่ความเหม็นเน่าขยะเต็มคลอง ความรู้สึกของยายเหมือนเดิมกับครั้งแรก หน้าบูด ไม่พูดจาทักทาย พูดแต่ว่า “นี่ของยาย” และก็เดิมๆ ครับ พอเสร็จทุกอย่างแล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใส และคำอวยพรที่ดีและมีความศักดิ์สิทธิ์ของยาย ทุกคนน้อมรับและสาธุกับพรที่ได้
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ มาดูในคลองแล้ว ขยะและกิ่งไม้หักเต็มคลอง พี่ๆ ทุกคนช่วยกันหยิบจับอุปกรณ์เพื่อตักขยะขึ้นมาจากคลอง ตัวผมลงไปตัดไม้ที่อยู่ในคลอง และช่วยกันลากขึ้นมาจากคลอง จากเดิมที่น้ำไม่ไหล ขยะกองติดตามกิ่งไม้ และเมื่อได้ทำให้มันเสร็จแล้ว ส่งที่เห็นคือความสดใสของน้ำที่ดีขึ้นกว่าเดิม มีน้ำไหลในคลอง และขยะก็ถูกตักขึ้นมา ผมคิดว่าสภาพความเป็นอยู่ของยายต้องดีขึ้น ตัวอย่างเช่น น้ำในคลองไหล ยุงก็ไม่วางไข่ น้ำก็ไม่เน่า ยายก็ไม่ต้องโดนยุงกัด แค่นี้ก็ดีแล้ว ความรู้สึกของผมตลอดงานดีมาก มีความสุขในระหว่างทำงาน ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีคำบรรยายใดๆ ที่ดีกว่าคำว่า “การร่วมมือกันทำให้สัมฤทธิ์ผลและมีความสุข”
๓. จะทำอะไรต่อไป อยากจะให้ทุกคนบนโลกไม่ทอดทิ้งกัน เหมือนสิ่งที่พวกเราไม่ทอดทิ้งยาย จึงอยากจะบอกว่าอนาคตตัวผมเองจะไม่ทอดทิ้งพ่อแม่ให้ต้องอยู่เดียวดายเหมือนอย่างยายจิตที่ต้องอยู่อ้างว้างคนเดียว โดยที่นานๆ ทีจะมีคนมาอาบน้ำให้ มาจัดบ้านให้ และคงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนี้หรอกครับ ในโอกาสต่อไปต้องเจอยายอีกแน่นอน
คุณสมบัติ รอดเผื่อน
การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ ครั้งนี้ไปช่วยกันเอาผ้าห่มไปตากแดด เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน และไปช่วยกันลอกคลองให้สะอาด เอาขยะขึ้น
๒. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ ความรู้สึกในครั้งนี้ รู้สึกคุ้นเคยกับยายมากขึ้น ทำความสะอาดบ้านยาย เก็บกวาดเอาขยะไปเผา โดยรู้สึกทำไปอย่างสบายใจ ความวิตกสงสัยจากครั้งที่แล้วลดลง ครั้งนี้ได้พาลูกไปด้วยทั้ง ๒ คน ลูกๆ ก็ช่วยกันเก็บขยะเผา และช่วยกันตักขยะขึ้นจากน้ำ ด้วยท่าทีตั้งใจและมีความสุข ไม่งอแง ไม่อ้อน และไม่หนีไปเล่น จนงานเสร็จ รู้สึกว่าบุญกุศลได้ต่อไปที่ลูก ลูกได้ลงมือทำ ได้เห็น และได้เรียนรู้กับการไปทำงานจิตอาสาในครั้งนี้ และเห็นยายจิตยิ้มแย้ม มีความสุขมากขึ้น
๓. จะทำอะไรต่อไป คิดว่าอยากไปทำงานลักษณะนี้อีก โดยเอาลูกไปทำและเรียนรู้ด้วย เพราะจากที่ได้ไปทำ ได้เห็นแล้วว่าเขาทำได้ และมีความเต็มใจ และสนุกกับสิ่งที่ทำ
คุณปาญิกา กระชอนสุข



การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ เริ่มต้นคือไปเห็นสภาพบ้านและบริเวณรอบๆ บ้านของป้าจิต คือมีความสกปรกที่อยู่บนบ้านของป้าจิต และรอบๆ บ้านของป้าจิต จะเป็นคลองและมีขยะมากมาย ซึ่งครูที่ไปจะต้องแบ่งเป็น ๒ ชุด โดยไม่ได้นัดหมาย คือชุดแรกขึ้นบ้านทำความสะอาดบนบ้าน ชุดที่ ๒ ทำความสะอาดที่คลองหลังบ้าน
๒. ทำอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ - ที่ไป ตัวเองอยู่ชุดที่ ๒ คือ ตักขยะที่คลองหลังบ้าน จากที่ขยะเต็มคลองก็หมดไปเหลืออีกเพียง เล็กน้อยตรงที่ตักไม่ถึง แล้วก็มานวดให้ป้าจิตช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะหยุดกัน - อีกส่วนหนึ่งคือ ควรติดต่อกับผู้ที่จะดูแลป้าจิตได้ต่อไป ๓. ได้เรียนรู้อะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ การไปทำงานร่วมกับครูพละต้องปรับเรื่องเวลาในการนัดหมายให้ตรงเวลา และเรื่องการร่วมทำงานด้วยกัน
๔. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเหลือสังคม ซึ่งใช้เวลาว่างจากงานไปทำ และอีกอย่างหนึ่งคือการทำงานร่วมกันของครูพละในรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่การสอน และการได้ลงมือทำงานในแต่ละอย่างต้องมีการวางแผนก่อนการลงมือทำ
คุณวารินทร์ เสมสูงเนิน

การไปจิตอาสาบ้านคุณยายจิตเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑
๑. เห็นอะไรจากการไปจิตอาสาครั้งนี้ - เห็นยายจิตอายุ ๘๑ ปี - บ้านที่ยายจิตอยู่ - เห็นขยะที่อยู่รอบๆ บ้านยายจิต โดยเฉพาะในคลองเล็กๆ หลังบ้านยายจิต และกิ่งไม้ใหญ่ที่ ถูกตัดทิ้งไว้ในคลอง - เห็นมุ้ง เสื้อ ผ้าห่มที่สกปรก มีกลิ่นเหม็นฉี่ อึ - เห็นพลังของจิตอาสาที่ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดให้ยายจิตโดยไม่รังเกลียดในความสกปรก เหม็น - เห็นเด็กๆ ที่เป็นลูกผมเอง (มายด์) ลูกครูเป๊ก (ปิงปอง และเปตอง) ช่วยคุย หาข้าว ดูแลยาย จิต ไม่เป็นภาระผู้ใหญ่ - เห็นคนในชุมชนเดียวกับยายจิตที่มองพวกจิตอาสาลงไปทำงาน เป็นเหมือนสิ่งที่แปลก - เห็นสุนัขที่อยู่กับยายจิต และยายจิตก็ให้อาหารกิน
๒. ทำอะไรในกิจกรรมจิตอาสาครั้งนี้ การเป็นจิตอาสาของผมในครั้งนี้ ผมได้ไปช่วยทำความสะอาดคลองส่งน้ำ เก็บขยะที่มีอยู่จำนวนมาก ร่วมช่วยกับเพื่อนครูพละตัดกิ่งไม้ที่ถูกตัด แล้วก็ทิ้งเอาไว้ในคลอง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นงานหลักที่ผมทำในวันเสาร์ แต่ที่ทำอีกคือ ได้พูดคุยกับยายจิต ให้กำลังใจ เพราะยายจิตมีความรู้สึกว่าสิ่งที่จิตอาสาทำไปช่วยยายจิต เป็นสิ่งที่ยายไปรบกวน รู้สึกเกรงใจ
๓. เรียนรู้อะไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ การที่เราจะช่วยเหลือใครสักคน เราไม่ควรมองหรือช่วยแค่ความสงสาร แต่ควรมองให้มากขึ้นออกไปอีก ว่าเราจะให้ยายจิตมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านั้นได้อย่างไร เพราะคุณยายไม่ได้เป็นอัมพาตที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย แต่ยายจิตขยับแขน หยิบจับได้ ถ้ามีกำลังใจจากคนในชุมชน คุณยายน่าจะมีกำลังใจมากขึ้นในการที่จะช่วยตนเองไม่จมอยู่ในกองฉี่ - อึ พอมองย้อนมาที่ตนเอง ก็รู้สึกว่าการที่เราเป็นครูสอนเด็กให้จบไปวันๆ หนึ่ง ตามเนื้อหาที่เราตั้งไว้ โดยไม่ได้หยิบยกเอาปัญหาที่อยู่ข้างหน้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน เด็กคนนั้นก็คงมีแต่สุขภาพแข็งแรง แต่ไม่ได้คนดีมีคุณภาพที่มีกำลังกายที่ดีที่จะช่วยสังคมต่อไป ดังเช่น คนที่อยู่ในชุมชนเดียวกับยายจิตที่ไม่เห็นปัญหาของยายจิต
๔. รู้สึกอย่างไรกับการไปจิตอาสาครั้งนี้ งานนี้ผมรู้สึกดี ๓ อย่าง ๑. ผมได้ทำบุญให้กับยายจิต ที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าสงสาร ได้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น และก็จะหาแนวร่วมจากกลุ่ม ป.โท ที่จะช่วยยายจิตต่อไป ๒. มีความสุขที่เห็นภาพและได้ร่วมด้วยช่วยกันกับเพื่อนครูพละ สนุกสนานเวลาที่เรา พูดคุยแซวกัน เกิดความรู้สึกเป็นที่ห่วงที่บางครั้งเห็นเพื่อนจะเกิดอันตรายในช่วยที่ ทำงานร่วมกัน ๓. เป็นครั้งแรกที่ผมพาลูกสาวไปทำงานจิตอาสาร่วมกัน และมายด์ก็ทำได้ โดยไม่เป็น ภาระอะไรกับพ่อ ชวนยายคุย หาข้าวให้ทาน หาน้ำ หาขนม เก็บสตางค์ หาร่มบังแดด ซึ่งผมเห็นความดีงามที่ลูกเป็นคนดีที่กตัญญูต่อผู้ใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้อง
ความรู้สึกสุดท้าย คือ ผมว่าคนในชุมชนเดียวกัน บางครั้งยังอยู่โดยบริบทที่อยู่บ้านใกล้แต่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ที่จะร่วมดูแลกันในชุมชน มีความสุข แต่สุดท้ายคนไทยก็ไม่ทิ้งกันก็ยังมีคนมองเห็นคนเป็นคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด
คุณคมสัน เสมวิมล

Wednesday, January 2, 2008

เราได้เห็นอะไร ทำอะไร เรียนรู้อะไร รู้สึกอย่างไร และจะทำอะไรให้ดีกว่านี้กับจิตอาสา


เราได้เห็นอะไร ทำอะไร เรียนรู้อะไร รู้สึกอย่างไร และจะทำอะไรให้ดีกว่านี้กับจิตอาสา
ณ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาครเมื่อวันอังคารที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐


๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร วันนี้เราได้ไปช่วยทำความสะอาดบ้านคุณยายจิต เก็บขยะ ล้างหม้อ ล้างปิ่นโต ช่วยตักน้ำเพื่อทำความสะอาดบ้านคุณยาย (บ้านคุณยายเป็นบ้านหลังเล็กๆ คุณยายเดินไม่ได้ อายุก็ ๘๐ ปีแล้ว แต่ไม่มีลูกหลานอยู่ดูแลหรืออยู่เป็นเพื่อนเลย มีแต่คุณพยาบาลที่จะแวะไปดูแลเดือนละครั้ง) จากคำบอกเล่าทราบว่ามีพี่แม่บ้านใจดีของธนาคาร มาคอยส่งข้าวปลาอาหารให้คุณยาย รู้สึกขอบคุณคนดีที่คอยดูแลคุณยาย รู้สึกสงสารคุณยายที่ไม่มีลูกหลานคอยดูแล รู้สึกดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้บ้านคุณยายสะอาดมากขึ้น
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้ว่า จากภารกิจที่คนฉือจี้ทำนั้น มีอยู่ในสังคมจริงๆ ได้เรียนรู้ว่าการช่วยกันทำอะไรสักอย่างและทำกันหลายๆ คน มันมีพลัง
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ เราควรกลับไปดูแลพ่อแม่ ญาติพี่น้องให้มากขึ้น ยังมีคนป่วยเจ็บ คนชราไร้ญาติ คอยให้เราได้ช่วยเหลือเผื่อแผ่ความเมตตา ความกตัญญู
ว่าที่ร้อยตรีหญิงอุไรวรรณ แย้มเย็น (ครูยุ้ย)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร ได้ไปบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านคุณยายจิต เห็นสภาพที่เขาอยู่แล้วก็รู้ว่าเขาอยู่อย่างลำบากคนเดียว สภาพบ้านก็สกปรกมาก ได้ไปช่วยเก็บขยะ เก็บของออกมา ตักน้ำจากในคลองมาให้ขัดพื้นบ้าน ได้ช่วยซ่อมโต๊ะไม้ที่ขาหักไปหนึ่งข้าง อันนี้ภูมิใจมากที่ได้ใช้วิชาช่างให้เกิดประโยชน์ แยกขวด พลาสติก ช่วยเก็บผ้า สิ่งที่เห็นคือความลำบากของยาย
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ความไม่แน่นอนของชีวิต ที่ไม่มีใครให้คำตอบได้แม้แต่ตัวเราเอง ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะอยู่อย่างไร ฉะนั้น สิ่งที่บอกตัวเองได้ คือ ในวันนี้เราต้องทำดี และทำให้ดีที่สุด ตราบใดที่ตื่นนอนตอนเช้ามาแล้วเรายังหายใจอยู่ ก็ให้รู้ไว้ว่า เราโชคดีนะที่เราได้มีโอกาสทำดี สร้างกุศลได้อีกวันหนึ่ง
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ ทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะทำดีเข้าไว้ โดยเฉพาะกับครอบครัว คุณพ่อ และพี่สาวที่บ้าน และคนรอบข้าง การทำดีบางครั้งไม่ต้องบอกใคร บอกตัวเองก็พอว่าวันนี้เราจะทำดี ความสุขมันก็เกิดขึ้นได้เอง ถ้าจะมีการไปทำจิตอาสาแบบนี้อีก อยากทราบข้อมูลที่แน่ชัดกว่านี้ ว่าเราจะไปทำอะไร สถานที่นั้นขาดสิ่งใด เพราะผมรู้สึกว่า ผมยังใช้ความรู้ทางวิชาช่างที่ได้เรียนมาไม่คุ้มเลย
อรรถพงษ์ ชมพักตร์ (ครูเต้)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร สิ่งที่ได้ไปเห็น คือ เห็นยายแก่ๆ หนึ่งคนนั่งอยู่ในบ้านที่มีลักษณะคล้ายกระท่อม ครั้งแรกรู้สึกสงสัยว่าทำไมมีความเป็นอยู่ลักษณะนี้ ลูกหลานไปไหนหมด แต่เมื่อได้ลงมือทำงาน เก็บกวาด เช็ดฝุ่น ล้างบ้าน จัดเก็บข้าวของให้ยายแล้ว รู้สึกว่าข้อสงสัยหายไป รู้สึกว่าตัวเองอยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า เต็มใจอยากทำ ทำเต็มที่ อะไรก็ทำ ขณะทำก็คิดเพียงว่าความเป็นอยู่ของยายจะสะดวกหรือยัง ยายรู้สึกสบายขึ้นหรือยัง สิ่งที่เรารู้สึกได้กับตัวเอง รู้สึกตัวมีพลัง อยากทำเรื่องเหล่านี้ รู้สึกอิ่มเอม ยิ้มออกอย่างรู้สึกว่าหัวใจก็ยิ้มไปด้วยจริงๆ
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ ความสุขจากการได้ให้ ความสุขจากการทำให้ด้วยกำลังกาย กำลังใจ อย่างไม่มีเงื่อนไข ด้วยใจจริงๆ ทำให้เรามีพลังและรู้สึกอิ่มเอม อีกทั้งเรียนรู้ว่า บนโลกนี้ยังมีคนที่ต้องการโอกาสอยู่มาก สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ พลังของการทำดีร่วมกัน ทำให้มีความสุขและอยากทำความดีอีก คนที่จะดูแลคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นได้ต้องเริ่มต้นที่การดูแลและเข้าใจตนเอง ให้มีสภาวะที่เข้มแข็งและมั่นคง ก็จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งได้เห็นบุคลิกของคนฉือจี้ว่าเป็นคนดี ที่คิดจะช่วยคนอื่น ก็ต้องมีความกล้าหาญด้วย
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ สิ่งที่คิดว่าจะทำให้ได้ดีกว่านี้อีก คือ การเรียนรู้ และแก้ไขตนเอง เพื่อไปสู่การเป็นคนที่มีความกล้าหาญ และเข้มแข็งกับชีวิต อีกทั้งจะได้ช่วยเหลือ ทำหน้าที่ครูที่ดูแลศิษย์ให้เป็นคนดีที่กล้าหาญต่อไป
ปาญิกา กระชอนสุข (ครูเป๊ก)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของบุคคลที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังคนหนึ่ง ซึ่งเป็นยายแก่คนหนึ่งที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีใคร อยู่บ้านหลังเล็กๆ มีหมาเป็นเพื่อน ยายไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อบางส่วนได้ตายไปแล้ว ไม่สามารถทำงานตามปกติได้ วันนี้พวกเราได้ไปช่วยดูแลทำความสะอาดวิมานหลังน้อยของยายให้มีความน่าอยู่มากขึ้น ทำให้พวกเราได้เห็นร้อยยิ้มของคุณยายคนหนึ่ง ที่ก่อนหน้านี้ต้องนั่งหน้าเศร้ารอคอยความหวังอันน้อยนิดของตัวเอง ซึ่งรอยยิ้มของยายนั้น ผมเชื่อว่ามันทำให้ทีมงานที่มาในวันนี้มีแรงที่จะทำงานให้เสร็จสิ้น และมีใจช่วยเหลือยายอย่างเต็มที่ อ้อ! ลืมไป ยายชื่อยายจิตครับ และสิ่งที่เห็นคือ ทีมงานทุกคนร่วมมือกันทำงานอย่างแข็งขัน ไม่เกี่ยงงานเลย ทำให้งานเสร็จเร็วและมีความสุขที่เห็นยายพูดคุยอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ได้รู้จักการให้ ซึ่งเห็นว่าการให้นั้นทำให้ผู้รับมีความสุข เมื่อเห็นว่ากิจกรรมวันนี้ทำให้ยายมีความสุขก็สุขใจไปด้วย การได้เห็นการช่วยเหลือไม่ทอดทิ้งกันในสังคมทำให้คิดว่า คนในสังคมใกล้ตัวเรา เช่น พ่อ แม่ ยิ่งไม่ควรทิ้งให้ท่านต้องอยู่โดดเดี่ยวอย่างเด็ดขาด ควรจะทำให้ท่านมีความสุขมากที่สุด
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ ช่วยเหลือและพยายามอย่าให้เกิดทั้งกับพ่อ แม่ ตัวเราเอง และบุคคลที่ใกล้ชิด หรือคนอื่นๆ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น ก็จะช่วยอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ครับ
สมบัติ รอดเผื่อน (ครูเปา)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร วันนี้ที่ไปที่อำเภอบ้านแพ้ว ไปบ้านของยายจิต ไปช่วยเก็บกวาดและทำความสะอาดบ้านให้ยายจิต ส่งที่ได้เห็นในตอนแรกที่อยู่ภายในบ้านมีฝุ่นและหยากไย่เกาะอยู่เต็มไปหมด มีกลิ่นเหม็นอับลอยโชยออกมา และได้ทำการช่วยกันนำสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม หม้อ ไห ผ้าห่ม เสื่อ ออกมาเช็ดล้าง ทำความสะอาด ซ่อมโต๊ะนั่งให้ยาย ซ่อมท่อประปาที่แตกให้ยาย ในตอนแรกที่ขนข้าวของของยายออกมาทำความสะอาดนั้น เมื่อยกสิ่งของออกมาชิ้นหนึ่ง ยายก็จะพูดว่า “อันนี้ของยาย” ยกอะไรออกมายายก็จะพูดคำๆ นี้อยู่เสมอๆ เหมือนกับว่าแกยังไม่ชินหรือกลัวว่าเราจะนำของของแกไป แต่เมื่อเราล้างทำความสะอาดแล้ว ในตอนหลังได้เห็นรอยยิ้มของยาย ได้เห็นมิตรภาพของยายที่ยายไม่อยากให้พวกเรากลับ จากความกลัวในตอนแรกๆ เปลี่ยนเป็นความเคยชิน ความคุ้นเคย
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร และ ๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ รู้สึกอยากจะช่วย อยากจะทำให้ยายนั้นอยู่ดี บ้านไม่มีกลิ่นเหม็นต่างๆ เพราะถ้าเป็นเรา เราก็ไม่อยากอยู่บ้านที่มีกลิ่นแบบนี้หรอก แต่ยายเขาทำไม่ไหว เรามีแรงมากกว่ายาย จึงต้องช่วยยายให้อยู่ดีมีสุข เราได้เรียนรู้อะไรมากมายในการไปบ้านยายจิตในครั้งนี้ เช่น บางครั้งเราก็เบื่อ ท้อถอยเหมือนกัน แต่ยายลำบากกว่าเรา น่าจะท้อถอยมากกว่าเรา แต่ยายก็ยังอยู่ได้มาจนถึงป่านนี้ ฉนั้น เราจึงต้องเข้มแข็งให้มากกว่าเก่า เรามีความเป็นอยู่ที่แสนจะสบาย จะท้อแท้ได้แต่ต้องไม่ท้อถอย
จักรพันธ์ บุญกรด (ครูบอล)

ในวันนี้ข้าพเจ้าได้เข้าฟังบรรยายการทำงาน การเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือของมูลนิธิฉือจี้ และก็ได้ไปปฏิบัติจริงที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ช่วงของการเดินทางนั้นรู้สึกเฉยๆ ได้รู้ว่าจะต้องไปช่วยคุย ดูแลคนป่วยในโรงพยาบาล แต่พอไปถึงก็แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่ดูแล พูดคุยกับคนป่วยที่โรงพยาบาล อีกกลุ่มไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วย เราได้ไปบ้านคุณยายจิต พอไปถึงมองเห็นสภาพบ้านและเห็นคุณยายนั่งอยู่คนเดียวกับสุนัขอีกตัว ในบ้านนั้นมีกลิ่นเหม็นฉี่และอึมากๆๆๆๆๆๆ รู้สึกเหม็น แต่เห็นสายตาที่ยายมองและได้คุยกับยาย เรารู้สึกสงสารที่อยู่คนเดียวกับกลิ่นแบบนี้ และพวกเราทุกคนก็ช่วยกันทำความสะอาดขนผ้าห่ม เสื่อ หมอน เสื้อผ้า ที่กองซ้อนๆ ทับๆ กันออกมาผึ่งแดด ทำความสะอาดบ้าน ขัดบ้านให้ยายในขณะที่ยกของ เสื้อผ้า ออกมานั้น ยายแกก็ถามว่า “จะเอาไปไหน ..... อย่าเอาไป” เราก็พูดคุยและบอกยายว่า “เอาออกไปผึ่งแดด .... เดี๋ยวเก็บให้นะยาย” และได้อาบน้ำให้ยายด้วย และก็พามานั่งนอกบ้าน มาบีบนวด คุยกับยาย คุณยายน่ารัก พูดจารู้เรื่อง อารมณ์ดี เรารู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสทำสิ่งดีๆ แบบนี้ และคิดว่าจะมาดูแลคุณแม่ ครอบครัวที่บ้าน และคนแก่ๆ บริเวณใกล้ๆ บ้านให้มีความสุข ขาดเหลือหรือช่วยอะไรเท่าที่ช่วยได้ค่ะ และถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมคุณยายจิตอีกครั้ง
นพวรรณ น้อยสุพรรณ์ (ครูปุ๊ก)

เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร สิ่งที่ได้ไปเห็นคุณยายที่โอกาสมีน้อยกว่าเรา รอคนที่จะมาช่วยเหลือ และได้ไปทำความสะอาดให้บ้านคุณยายในเบื้องต้นตามที่ตนเองสามารถทำได้
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้ว่านิสัยของตนเองที่มีความใจร้อนยังมีอยู่ เพราะเวลาเจออุปสรรคจะรู้สึกกระวนกระวาย
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ คงต้องบอกตนเองให้รู้จักที่จะรอให้มากขึ้น และรอให้เป็นโดยใช้สติ ไม่ใช่รอแต่เวลาและโอกาส
สายัณห์ เรือนเรือง (ครูตู่)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร สิ่งที่ได้เห็น คือ สภาพการเป็นอยู่ของคุณยายสมจิต เนตรน้อย วัย ๘๐ ปี จากสภาพนอกบ้าน คือ รก เต็มไปด้วยเศษขยะ และหากคุณยายเดินลงมาจากบ้านได้คงต้องเหยียบเศษแก้วเข้าสักวัน ภายในบ้าน ซึ่งไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ประสมกับสภาพบ้านทำจากสังกะสีเก่าๆ ยกพื้นรอบ ปูด้วยไม้ไผ่ และมีไม้กระดานอยู่ส่วนน้อย สภาพบ้านชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้ช่วยกันเก็บขยะรอบๆ บ้านและช่วยกันขัดพื้นบ้านของคุณยาย จนบ้านดูสะอาดตาขึ้น ได้ช่วยอุ้มคุณยายขึ้นบ้าน หลังจากลงมานั่งเล่นข้างล่าง
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร รู้สึกถึงความเหงาของคุณยายที่ต้องอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ค่อยมีเพื่อน รู้สึกสงสาร แล้วนึกถึงคุณแม่ขึ้นมาก และในใจอยากกลับบ้านมาก อยากกลับไปหาคุณแม่มาก
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ จำทำให้คุณแม่มีความสุข จะดูแลอย่างดีเท่าที่มีความสามารถ จะมีใจเมตตามากขึ้น หากมีโอกาสได้ช่วยเหลือสังคมแบบนี้ จะช่วยลงมือทำเต็มที่แบบนี้ทุกครั้ง
ภัทนวัฒน์ เจริญสุข (ครูน้ำ)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร ได้ไปถามผู้ป่วยว่าเป็นอะไร เยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ บีบนวด ถามความรู้สึกคนป่วย ยิ้มให้กำลังใจ ได้เห็นคนป่วยที่ป่วยเป็นโรคลูกสะบ้าเสื่อม มีทั้งก่อนผ่าตัด หลังผ่าตัด เห็นคนป่วยเป็นโรคเบาหวานมือบวมที่ผ่าตัด มืออีกข้างชา ไม่ค่อยรู้สึก เห็นคนแก่หกล้ม ปวดหลัง เหมือนกับกระดูกไปทับเส้นประสาทขาข้างซ้าย ทำให้ไม่ค่อยมีความรู้สึกที่ขา เดินไม่ได้ ทุกคนเบื่อ อยากออกจากโรงพยาบาล ไม่ชอบความวุ่นวายของโรงพยาบาลที่มีความเสียงดัง
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร เรียนรู้ถึงความรู้สึกของผู้ให้ ช่างมีใจที่ยิ่งใหญ่ รู้สึกนับถือ และเข้าใจของคำว่าให้มากขึ้น อยากกลับไปทำให้แม่พ่อบ้าง เห็นตัวอย่างที่ดีของฉือจี้
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ อยากจะไปฝึกด้านนี้ตามแต่โอกาสจะอำนวยอีก อยากนำวงดนตรีที่นักเรียนเรียนอยู่ไปบรรเลงให้ผู้ป่วยฟัง จะได้ฝึกการเป็นผู้ให้ต่อไป
เอกราช แพรม่วง (ครูเล็ก)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร ได้เห็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล บางคนมีญาติคอยดูแล แต่บางคนไม่มี โรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงบ้างไม่รุนแรงบ้าง บางคนก็รอความตาย รักษาไม่ได้ เห็นความแก่ เจ็บ ป่วย และได้ช่วยรับฟัง พูดคุย ช่วยนวดให้กับคุณยายวรรณา เห็นหน้าคนป่วยที่มีความสุขขึ้นที่ได้รับสายรัดแขน
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้ว่าอีกหลายบุคคล หลายกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ รู้สึกได้ถึงพ่อ และแม่ของเรา รวมไปถึงการดูแลสุขภาพทั้งของคนที่เรารักและตัวเราเอง และรู้สึกว่าเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้างไหมในสังคมที่มีแต่การแข่งขันนี้ ซึ่งความช่วยเหลือนั้นมันทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย หดหู่และเศร้าใจ
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ ที่จะทำได้ก็คือ เปิดใจให้กว้าง สอนนักเรียนในเรื่องความกตัญญู เพื่อทำให้อนาคตของชาติได้เข้าใจและซึมซับในความดีต่อบุพการี เพราะหากแรงคนเดียวคงไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น แต่ถ้าร่วมแรงร่วมใจกันเหมือนครั้งนี้ที่มีโอกาสได้ไป ก็จะเกิดพลังในการให้ การทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อจิตใจให้กับคนอื่นได้มากกว่านี้
สิริรัตน์ ขำโพ (ครูหนูดี)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร การทำงานวันนี้ ลงพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว บ้านของคุณยายจิต ไปช่วยทำความสะอาดบ้าน เก็บกวาดบริเวณบ้าน พูดคุยถามถึงความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตต่างๆ ของคุณยาย ร่วมกับเพื่อนๆ ครู
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ระหว่างที่เก็บกวาดทำความสะอาดในบ้านคุณยาย รู้สึกมีกลิ่นที่ไม่อยากสัมผัส แต่เห็นทุกคนช่วยกันด้วยความขยันขันแข็ง ก็ทำให้รู้สึกเราก็ทำได้เหมือนคนอื่น ก็ทำด้วยใจที่อยากจะทำมากขึ้น ระหว่างที่ทำก็ได้หยุดคุยกับยาย ก็รู้สึกถึงความปราบปลื้ม ที่คุณยายยกมือไหว้ขอบคุณพวกเราที่ได้มาช่วยกัน ซึ่งคุณยายก็พูดจาเพราะ
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ จะพยายามเป็นผู้ให้ ทั้งครอบครัวตนเอง และผู้อื่นต่อไป
คมสันต์ ละครอนันท์ (ครูปั๊ก)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ที่เลือกไปโรงพยาบาลเพราะคิดว่าตนน่าจะทำได้ดีกว่าไปทำความสะอาดบ้าน แต่พอไปถึงก็ให้ไปเยี่ยมคนไข้เกี่ยวกับโรคกระดูก รู้สึกแย่มากกับสิ่งที่เห็น กลิ่นต่างๆ เดินวนเวียนไปมาหลายครั้ง ไม่กล้าแตะหรือสัมผัสคนไข้เลย รู้สึกปวดหัวมาก อยากจะอาเจียน จนเปลี่ยนตึก ได้ไปเจอคุณยายคนหนึ่ง ชื่อคุณยายวรรณา ยายดูสะอาดสะอ้านมาก แก้มสีชมพู ผมสีขาวๆ ยายนั่งอยู่บนเตียง มีแผลที่ขา อาสาสมัครที่พาไปก็เล่าประวัติให้ฟัง เรารู้สึกดีและคิดในใจว่า “ไหนๆ มาแล้ว...ลองดูสักครั้ง” ก็เริ่มจากหากรรไกรตัดเล็บให้คุณยาย ป้อนขนม ป้อนน้ำให้ยาย ตอนแรกก็กลัว แต่พอตัดเล็บมือไปหนึ่งมือเสร็จ ยายไม่พูดจาเลย ก้มหน้าไม่มองใคร ก็ยื่นอีกมือให้ตัด เสร็จแล้วก็ยื่นเท้าให้ตัด รู้สึกดีมากๆ เลย คุณยายน่ารักมาก ยิ้มเก่ง พอเราจะกลับยายก็จับมือเรา กำมือเราเอาไว้แน่น ความรู้สึกตอนนั้นมันรู้สึกว่ายายเขาไม่อยากให้กลับ ยายต้องการเพื่อนคอยดูแลเช่นกัน แสดงว่าที่ยายไม่พูด แต่ไม่ได้หมายความว่ายายไม่รู้สึกอะไรเลย
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร คิดถึงพ่อแม่ตัวเองมากขึ้น ตั้งใจจะกลับไปปฏิบัติให้พ่อแม่บ้าง คิดว่าจะไม่ปล่อยให้พ่อแม่เราเป็นแบบนี้แน่
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ คิดว่าจะทำได้ดีกว่านี้ (กับพ่อ – แม่เรา) และถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมคุณยายอีก
นันทิยา เลื่อมใสธรรม (ครูแนน)


วันนี้ไปเป็นอาสาสมัครเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ไปเยี่ยม ไปพูดคุยกับผู้ป่วยหลายราย ในตอนแรกไม่กล้าที่จะสัมผัสตัวคนป่วย แต่เมื่อเห็นเพื่อนๆ ทำได้ก็ลงมือทำบ้าง นวดตัว นวดขา ทำน้ำมันให้ผู้ป่วย รู้สึกสงสารผู้ป่วยบางรายที่อาการหนัก ไม่มีลูกหลานดูแล ชื่นชมลูกชายที่คอยปรนนิบัติแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แล้วกำลังทำใจว่าแม่จะต้องจากไปอีกไม่นาน ได้เห็นว่าความเจ็บป่วยเป็นทุกข์ ทำสิ่งดีๆ ให้กับคนใกล้ๆ ตัวเรา ดูแลพ่อแม่ให้ดี เพราะไม่รู้ว่าจะป่วย หรือจะตายเมื่อไหร่ จะมีชีวิตให้เราดูแลอีกนานแค่ไหน การได้เห็นทุกข์ของคนอื่น ทำให้เรารู้ว่าตัวเองโชคดีที่ยังมีกำลังวังชา มีร่างกายสุขภาพแข็งแรง แต่ก็ต้องไม่ประมาทกับชีวิต แล้วกำลังวังชาที่ยังมีก็ควรจะใช้ให้เกิดประโยชน์
วลี ศุภฤกษ์รัตน์ (ครูวลี)

๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ได้เดินทางไปโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เพื่อไปเยี่ยมผู้ป่วย ได้เจอผู้ป่วยชาย– หญิง เจ็บป่วยด้วยอาการต่างกัน เช่น ปวดเข่า ผ่าตัดหัวเข่า ความดันฯ อุบัติเหตุ เมื่อได้เห็นผู้ป่วยเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าบางคนที่มีอาการหนักมากๆ เช่น คุณยาย อายุ ๖๗ – ๖๘ ปี เป็นมะเร็งที่ขา ซึ่งลูกชายได้เล่าว่า เกิดจากเป็นฝีที่ขา ๓ เม็ด แต่รักษาหายไป ๒ เม็ด เหลืออีก ๑ เม็ด ที่ไม่ยอมหาย และคุณยายได้ลงไปจับปู – ปลา ในน้ำที่สกปรก ทำให้ติดเชื้อและลุกลามจนกลายเป็นมะเร็ง ไม่มีทางรักษาแล้ว แต่ลูกชายก็มีกำลังใจดี มาดูแลแม่ของตน เห็นแล้วตอนแรกรู้สึกกลัว และเหม็นมากๆ (ตอนนี้กลิ่นก็ยังติดจมูกอยู่) ขณะที่อยู่โรงพยาบาลหายใจไม่ทั่วท้อง อึดอัด และปวดหัว ทำให้เห็นว่าหมอและพยาบาลที่ต้องเจอผู้ป่วยเหล่านี้ทุกๆ วัน อยู่กันได้ด้วยจิตใจที่มีเมตตา และเสียสละอย่างยิ่ง ในขณะที่เราอยู่ที่โรงเรียน ได้เจอเด็กๆ น่าตาน่ารัก แต่งตัวสะอาด หอม รู้สึกว่าเราโชคดีมากๆ เห็นคนที่เจ็บป่วยแล้วรู้สึกว่าถ้าเป็นเรา เมื่อแก่ตัวลงไป ก็ขอให้ตายอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมาน และคิดว่าอยากรักษาสุขภาพ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง เพื่อที่จะไม่เป็นภาระกับคนอื่น และจะดูแลพ่อ – แม่ ให้ดีที่สุด
เอกลักษณ์ เล้าเจริญ (ครูเจี๊ยบ)

วันนี้เราเริ่มเข้าห้องประชุมกันเกือบ ๙ โมงเช้า เราเริ่มต้นบรรยากาศด้วยการนั่งฟังอาจารย์จากฉือจี้ (ตัวเป็นๆ ผมใช้คำนี้ เพราะตั้งแต่มีคนกลุ่มนี้เข้ามาอยู่ในโรงเรียน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ฟัง ได้พูดคุยด้วยอย่างจริงๆ) ผมชอบอาจารย์ผู้ชาย ท่านพูดได้น่าฟัง คำพูดมีพลัง มีเหตุผลรองรับในเรื่องราว ๘ ข้อ ที่คนกลุ่มนี้กำลังทำ มันน่าฟังมาก จากนั้นเราเดินทางไปโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ครูพละทั้งหมดกับดนตรีไทย ๒ คน ไปบ้านยายจิต ซึ่งยายจิตยังมีสติสมประกอบทุกอย่าง พูดได้ ฟังได้ แต่ติดขัดอยู่ตรงร่างกาย คือ ขาขยับไม่ได้ แกอาศัยอยู่กับหมาของแกในบ้านหลังเล็กๆ มุงด้วยสังกะสีทั้งหมด บรรยากาศสกปรกมาก เหม็นมาก ผ้าทุกชิ้นมีฝุ่น ชื้น มีขนหมาติด มีอุจาระติดเต็ม พอไปถึงพี่พยาบาลเริ่มเก็บขยะ ผมก็เลยเก็บตาม พอรอบบ้านหมดก็รับของจากพี่ๆ ที่อยู่ด้านบนบ้าน (เป็นผ้าห่มเหม็นๆ) เอามาผึ่งแดด พอเสร็จก็ได้ยินเรื่อง อยากได้น้ำมาทำความสะอาดบ้าน ก็ไปหาถังกับเชือกมาผูกกันแล้วนำไปตักที่สะพาน โดยเพื่อนๆ เป็นคนล้าง จนเพื่อนๆ ล้างเสร็จ บ้านสะอาดผิดไปจากตอนแรกที่เห็น ยายจิตก็ถูกพี่ๆ ฉือจี้ตัดผมให้ อาบน้ำให้ แล้วพามานั่งข้างล่าง ตอนนี้ผมรู้สึกสุขใจ (บอกไม่ถูก) เลยไปนั่งกับยาย นั่งคุยไปเรื่อยๆ คิดในใจว่า แกคงมีความสุขนะ ในใจลึกๆ คิดว่า เราจะกลับมาหาแกอีก จะเอาภาพในหลวงมาให้ จะเอาภาพถ่ายของยายจิตมาให้ด้วย เพราะแกมีความสุขตอนที่ให้ดูรูปถ่าย ผมสัญญาครับ
เรวัต อภินันท์พร (ครูโม่)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร วันนี้ได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ได้ไปถามข้อมูลของผู้ป่วยในเรื่องของโรคที่ผู้ป่วยเป็นมาพร้อมกับมอบของขวัญและให้กำลังใจให้ผู้ป่วยหายเร็วๆ
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร ตอนไปถึงโรงพยาบาลครั้งแรกมีความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าจะเข้าไปคุยกับคนป่วยอย่างไร เกร็งมาก แต่เมื่อได้เห็นก็ลองพยายามถามดู ก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยากกับการเข้าไปถาม เมื่อเริ่มทำไปได้สักพักก็รู้สึกว่าผู้ป่วยให้ความร่วมมือดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ตอบคำถามเราทุกคำถามด้วยความยินดี ทำให้เราผ่อนคลายมากขึ้น จากการทำกิจกรรมครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าการให้กำลังใจผู้อื่นไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะทุกคนต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่ เมื่อเราไปเยี่ยม ทุกคนก็มีความสุข เราก็มีความสุข และได้เรียนรู้ว่านอกจากคนในครอบครัวที่เราคอยดูแลอยู่แล้วเราก็สามารถดูแลผู้อื่นได้
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ ความคิดที่จะทำให้ดีกว่านี้ คือ ดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บไข้ ให้ตัวเองแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย รวมถึงดูแลคนในครอบครัวด้วยความรักความเข้าใจมากขึ้น
เชษฐพงศ์ รอดฤดี (ครูเชษฐ)

๑. เราได้ไปทำอะไร / เห็นอะไร วันนี้ได้ไปร่วมกิจกรรมจิตอาสาที่ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ช่วยเก็บขยะ ถูพื้นบ้าน ตักน้ำ ทำความสะอาดบ้านคุณยายจิต อายุ ๘๐ ปี เห็นขยะ กลิ่น ฝุ่น คุณยายอยู่ในบ้านสกปรกมาก
๒. เราได้เรียนรู้อะไร / รู้สึกอย่างไร รู้สึกสงสารคุณยายที่โดดเดี่ยว ไม่มีญาติมิตรลูกหลานคอยดูแล เห็นใจคุณยาย รู้สึกถึงตัวเรา กลัวว่าจะโดดเดี่ยวเหมือนกัน คิดถึงพ่อ – แม่ที่บ้าน ส่งใจไปถึง อยากทำอะไรให้ท่านบ้าง ดีใจที่ได้ไปช่วยคุณยายให้มีความสุข
๓. เราคิดว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ คิดว่าต้องพาคนใกล้ชิดไปหาพ่อ – แม่ ปู่ย่า ตายาย ฯลฯ ไปพูดคุยทำความกตัญญูต่อญาติมิตรทั้งหลาย เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนต้องการความรัก ต้องรู้จักดูแลตนเอง และดูแลคนอื่นเสมอตัวเอง
ทวีศักดิ์ ศรีผ่อง (ครูวี)

วันนี้ได้ไปช่วยทำความสะอาดบ้านคุณยายจิต ล้างภาชนะต่างๆ เช่น หม้อ ปิ่นโต และตากผ้า ซ่อมแซมเตียง ทำความสะอาดหน้าบ้าน และเก็บขยะรอบบ้าน ซึ่งการออกมาภาคสนามครั้งนี้รู้สึกมีความสุขที่ได้ออกมาช่วยเหลือผู้อื่น และได้เห็นรอยยิ้มของคนที่เราได้เข้าไปช่วยเหลือ ยิ่งทำให้ผมมีความสุข ถึงแม้จะเป็นการออกไปช่วยเหลือเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมรู้สึกมีความสุข ต่อไปนี้ผมจะทำดี ช่วยเหลือผู้อื่นทุกครั้งที่มีโอกาส ดูแลคนในครอบครัว และสังคมรอบข้างให้ดีขึ้น
ชลกร ศุทธิวัฒนานนท์ (ครูชล)