Wednesday, October 21, 2009

จิตอาศา บ้านแพ้ว

หลังจากตัดเล็บแล้วอาสาสมัครจึงล้างทำความสะอาดเท้าให้ป้าศรีนวล ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์

อาสาสมัครร้องเพลงให้ยายทองสุขและลุงสมบัติฟังก่อนจากกัน

อาสาสมัครรุ่นเยาว์ นำผ้ามาซักอย่างเอาจริงเอาจัง


ครอบครัวอาสาสมัคร

ครอบครัวอาสาสมัคร

เวลาคุณภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา อาสาสมัครชมรมจิตอาสารุ่งอรุณ ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิพุทธฉือจี้และอาสาสมัครโรงพยาบาลบ้านแพ้วอีกครั้งหนึ่ง ในการออกเยี่ยมบ้านผู้อยู่ในความอุปการะในเขตอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีทั้งหมด ๓ ครอบครัว ด้วยกัน ได้แก่

๑. ครอบครัวป้าศรีนวล ป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ ขยับเขยื้อนไปไหนด้วยตัวเองไม่ได้ สามีรับจ้างเก็บน้ำตาลมะพร้าว รับค่าจ้างรายวัน
๒. ครอบครัวยายทองสุขที่ตาฝ้าฟางแทบมองไม่เห็น หูเกือบดับ อายุ ๘๐ กว่า ปีที่ยังต้องเลี้ยงดูลูกชายอายุ กว่า๕๐ ปี ชื่อ “สมบัติ” ซึ่งเป็นดาวน์ซินโดรม
๓. ครอบครัวป้าแสงผู้ต้องดูแลลูก ๒ คน ชื่อ “อาคม” และ “คมคาย”ซึ่ง เป็นโปลิโอ ทั้งคู่ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้เลย
นับเป็นวันพิเศษของอาสาสมัครชมรมจิตอาสารุ่งอรุณและเป็นวันครอบครัวอบอุ่น ที่พ่อแม่ลูกได้ชวนกันเรียนรู้เรื่องสำคัญของชีวิตคือการแสดงท่าทีที่เหมาะสมต่อเรื่องปัญหาสังคมซึ่งอยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง นั่นคือการยื่นมือเข้าช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่เพื่อนร่วมโลกของเราเท่าที่เราสามารถจะทำได้ สมาชิกของเราประกอบด้วย ครอบครัวครูปราณี (ครูปุ้ย) น้องอาชิ และน้องอโชะ ครอบครัวครูเนาวรัตน์ (ครูรัตน์) เดช(สามี) และลูกสาวแฝด ( น้องแนทและน้องแนน) ครอบครัวครูอัจฉรา (ครูน้ำเค็ม) และน้องน้ำชา พร้อมด้วยครูสุนิสา (ครูโม) และพี่สมศรี โชเฟอร์ใจอารี

ทั้ง ๓ บ้านที่เราไปเยี่ยม เราไม่อาจรู้ว่าทำไมครอบครัวเหล่านั้นจึงโชคร้ายเช่นนั้น แต่เรารับรู้ถึงพลังชีวิตของพวกเขาที่จะทำทุกวิถีทางเท่าที่กำลังและความสามารถของเขาจะทำได้ เพื่อดำรงรักษาชีวิตให้ยังอยู่ไปตามอัตภาพ โดยไม่เรียกร้องขอความเมตตาและความช่วยเหลือแต่อย่างใด แต่น่าแปลกอีกเช่นกัน ที่มีคนกลุ่มหนึ่งกลับยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างสุดกำลังที่ตนมี โดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน แต่กลับปฎิบัติต่อผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้นเสมือนการดูแลญาติ ผู้ใหญ่ของตนเอง
อาสาสมัครทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขอย่างง่ายๆ คือทำทุกอย่างที่ขวางหน้า คือการดูแลทำความสะอาดบ้านเรือน เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ไม้สอย เช่นซักมุ้ง เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าถุง ผ้าเช็ดตัว กางเกง ฯลฯ กวาดบ้าน ถูบ้าน ขัดห้องน้ำ ถางหญ้า ซ่อมบ้าน ตลอดจนดูแลสุขอนามัยส่วนตัว เช่น อาบน้ำ ตัดเล็บ สระผม ตัดผม บางรายก็ต้องแปรงฟันด้วย
อาสาสมัครฉือจี้และรุ่งอรุณถนัดในการปัดกวาด ซักล้าง ส่วนอาสาสมัครโรงพยาบาลบ้านแพ้วถนัดในเรื่องการดูแลเชิงการพยาบาลและสุขอนามัย พวกเราไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างทำงานของตนอย่างขมักเขม้น หลังจากเสร็จภาระกิจในแต่ละบ้านเราจะร้องเพลงให้ผู้ที่เราไปช่วยเหลือฟัง เช่น เพลงครอบครัวเดียวกัน เพลงค่าน้ำนม หรือเพลงภาษาจีนที่มีความหมายเกี่ยวกับคุณงามความดีของแม่ หรือบางครั้งก็เป็นเพลงที่มีทำนองสนุกสนาน เราสังเกตเห็นความสะอาดกายสบายใจของทุกคนที่ได้ไปเยี่ยมเยียน แววตาที่สดใส รอยยิ้ม วันนั้นที่พิเศษสุดคือป้าศรีนวลร้องเพลงคลอไปด้วยแม้ว่าภาษาที่ป้าเปล่งออกมานั้น พวกเราแทบจะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม

คุณชิว สู เฟิน หรือคุณเมตตา อาสาสมัครชาวฉือจี้ บอกว่า ควรปลูกฝังคุณธรรมเสียตั้งแต่ยังเด็ก โดยให้เขาได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติงานที่เป็นการช่วยผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วย ผู้ที่มีความทุกข์ความลำบาก เมื่อโตขึ้น เขาจะเป็นผู้มีความโอบอ้อมอารี มีจิตเมตตากรุณา และไม่ท้อกับความลำบากเหนืออื่นใด ลูกๆ ครอบครัวอาสาสมัครทั้ง ๕ คน ได้เคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อแม่ ได้ซึมซับเจตจำนงของพ่อแม่ที่ใช้เวลาของตนอย่างผู้ที่ไม่ประมาท โดยแสดงออกด้วยการนำตัวเข้ารับใช้ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างปราศจากความรังเกียจเดียดฉันท์ มีพ่อแม่พาทำ พาเรียนรู้สาระสำคัญของชีวิต เป็นการถ่ายทอดคุณธรรมของพ่อแม่ให้แก่ลูกด้วยการสอนโดยนำ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ขอแสดงความยกย่องและชื่นชมมา ณ ที่นี้

Tuesday, September 22, 2009

ความคืบหน้าของชมรมจิตอาสารุ่งอรุณ


ชมรมจิตอาสารุ่งอรุณเริ่มไหวตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วหลังจากการถูกจุดประกายในหัวใจด้วยการลงช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่อำเภอบ้านแพ้วร่วมกับมูลนิธิพุทธฉื้อจี้และโรงพยาบาลบ้านแพ้ว โดยได้จัดประชุมผู้สนใจไปแล้วสองครั้ง เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคมและวันที่ ๙ กันยายน โดยมีผู้สนใจทั้งครูและนักเรียนมาร่วมเป็นสมาชิกแบบผูกพันทางใจ จำนวนถึง ๑๒ คน (นอกจากนี้ยังมีสมาชิกประเภททำอะไรทำด้วยขอให้บอกอีกมากมาย) สมาชิกให้ความเห็นร่วมกันว่าจะค่อยๆ ขยายแนวความคิดของจิตอาสาให้เป็นไปอย่างธรรมชาติแต่มั่นคง โดยมีแนวทางในการดำเนินงานในเบื้องต้น ดังนี้
๑. เป็นการรวมกลุ่มคณะครู บุคลากรและนักเรียนของโรงเรียน เพื่อพร้อมเพรียงกันทำความดีในเชิงสาธารณะประโยชน์ทุกประเภทเป็นหมู่คณะ
๒. เป็นการทำงานจิตอาสาที่เริ่มบนพื้นฐานของความสามารถและศักยภาพของกลุ่มโดย ทำงานตามกำลัง(แบบมดงาน) ไม่กะเกณฑ์และคาดหวังผู้อื่น แต่มีการสื่อสารกับกลุ่มต่างๆ เพื่อนำมาซึ่งความร่วมมือกันตามความเหมาะสม
๓. เป็นการเริ่มทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องที่ใกล้ตัว โดยเบื้องต้นคือ
• การเป็นอาสาสมัครประจำโรงคัดแยกขยะของโรงเรียน มีกำหนดตารางการทำงานที่สม่ำเสมอโดยถือเป็นการฝึกตัวเองตามเวลาที่สมาชิกจะจัดสรรได้ มีคำขวัญประจำใจว่า “ใจแข็ง(ต่อกิเลส)และจิตอิสระ (ไม่ยอมถูกขัง)”
• การสำรวจและทำความรู้จักกับชุมชนบริเวณใกล้ๆ โรงเรียน เป็นอันดับแรกเพื่อเรียนรู้ปัญหาและความต้องการที่จะช่วยเหลือต่อไป
๔. ทำกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ร่วมกับเครือข่ายต่างๆ เช่น มูลนิธิพุทธฉือจี้
๕. ทำงานประชาสัมพันธ์สื่อสารงานของชมรม ผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น บอร์ดประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน เวปไซด์ของโรงเรียน จัดรายการเสียงตามสายและเขียนบทความลงในวารสารของโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถม ขณะนี้อาสาสมัครของชมรมได้เข้าประจำหน้าที่ที่โรงคัดแยกขยะของโรงเรียนแล้ว โดยจัดสรรเวลาทำงานเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นตามที่แต่ละคนจะจัดสรรเวลามาได้ หน้าที่คือการช่วยคัดแยกขยะให้ถูกต้องมากขึ้นและให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้มาใช้บริการ ซึ่งหากมีผู้มีจิตอาสาอยากช่วยให้การทำงานกู้วิกฤตโลกร้อนของโรงเรียนได้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราก็ขอแรงสนับสนุนนะคะ รับสมัครอาสาสมัครจำนวนไม่อั้น
นอกจากนี้ อาสาสมัครจอมและสมชายจะเริ่มดำเนินการเสียงตามสาย ในตอนเช้าวัน...โดยเริ่มตั้งแต่...เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา ๗.๐๐ – ๗.๔๐ น. ท่านใดสนใจร่วมจัดรายการเราจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อาสาสมัครจะนัดประชุมกันในวันพุธ สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เดือนละ ๒ ครั้ง ครั้งต่อไปประชุมในวันพุธที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ โรงคัดแยกขยะของโรงเรียน ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมประชุมในวันและเวลาดังกล่าว