คุณตาแกะ อิ่มประยูร
อายุ ๘๕ ปี อยู่ตัวคนเดียว กระดูกสันหลังโค้งงอและรู้สึกเจ็บ ยืดไม่ได้ ช่วงที่น้ำท่วมมีลักษณะของภูมิแพ้เป็นผื่น คันและคัดโพรงจมูก อาจเกิดจากสัตว์เลี้ยงในบ้าน และการใช้น้ำที่ท่วมขังทำความ สะอาดร่างกาย
คุณตาเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนอยู่กับภรรยาและลูก เมื่อภรรยาเสียชีวิต ลูกก็แยกออกไปและไม่กลับมาหาอีกเลย ทุกวันนี้คุณตาอยู่กับหมาแมวหลายตัวที่เสมือนเป็นองครักษ์คอยดูแลไม่ให้คนแปลกหน้ามาวุ่นวายกับคุณตา แต่จากการที่เราลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งพาคุณตาไปพบแพทย์ที่ร.พ.เสนา ๒ ครั้ง ด้วยอาการเจ็บกระดูกที่โค้งงอ อาการภูมิแพ้ และไข้หวัด โดยลำดับ ประกอบกับช่างของเราไปซ่อมแซมหลังคาและชานบ้านให้คุณตาในช่วงที่น้ำลดแล้ว เหล่าองครักษ์ทั้งหลายจึงค่อยเป็นมิตร สงบปากลงบ้าง (เห่าเบาลง)
คุณตามีรถโยกสำหรับคนพิการ ๑ คัน ไว้โยกไปที่ตลาดเพื่อขอปันอาหารสำหรับตัวเองบ้าง เผื่อแผ่เหล่าองครักษ์บ้าง บางทีกล้ามเนื้อแขนก็รู้สึกหมดแรง โยกไม่ไปเสียอย่างนั้น ยังดีที่ข้างบ้านของคุณตาแกละ มีพี่น้อย ซึ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าบ้านของคุณตา ได้ปันมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ ให้คุณตาใช้ด้วยโดยไม่คิดสตางค์ และรอบๆ ชุมชนหลังวัดบ้านแพน คุณตาก็ดูจะเป็นขวัญใจในชุมชนไม่น้อย เช่นคุณครูปิ่นหทัยจากร.ร.วัดบ้านแพน เดินเข้ามาขอบคุณทีมช่างที่ให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านให้คุณตา ครูปิ่นว่าตาแกละเป็นคนที่สมควรได้รับการช่วยเหลือ
ส่วนคุณครูอาสาที่เป็นขวัญใจของคุณตาแกละ ก็คือ คุณครูอดิเรก ร.ร.มัธยมนั่นเอง คุณตามักถามว่า "วันนี้ไอ้อ้วนไม่มาหรือ?" อาจจะเป็นเพราะคุณครูอดิเรกเป็นคนแรกที่เข้าไปพบคุณตาในช่วงน้ำท่วม ตอนนั้นบ้านคุณตาเหมือนติดเกาะ เรือก็มีเพียงครึ่งลำ แต่คุณตาไม่ได้ทดท้อ กลับบอกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้มากมาย แบ่งไปให้คนที่เขาลำบากกว่าเถอะ สิ่งที่คุณตาต้องการมากกว่าคือมีเพื่อนคุย ซึ่งคุณครูอดิเรกก็ทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดีจนคุณตาไม่อยากให้กลับชวนให้ค้างเสียด้วยกัน และในการเยี่ยมครั้งต่อๆ มา ครูอดิเรกก็พานักเรียนมัธยมลงไปจัดข้าวของ อาหารการกิน เท่าที่จะทำได้ในสภาวะน้ำท่วม ล่าสุดน้ำแห้งแล้ว พวกเราลงไปซ่อมแซมบ้านให้คุณตา มีทั้งนักเรียนป.๖ ครูอาสาหลายท่านทยอยไปเยี่ยมเยียนและปัดกวาดบ้าน จัดข้าวของให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง และเมื่อคุณครูอดิเรกเดินทางไปเยี่ยมได้พาคุณตาทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำให้ คุณตาแกละหัวเราะชอบใจ ความรู้สึกของคุณตาคงเหมือนที่คุณครูเอผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้เขียนบันทึกไว้ว่า "คุณตาคงรู้สึกเหมือนได้ลูกชายกลับบ้าน"
คุณตาแกละเป็นแบบอย่างของพวกเราในเรื่องการใช้วิถีชีวิตแบบสมถะ ไม่วุ่นวายเรียกร้องอะไรกับใคร มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ถึงคนที่ลำบากกว่า เป็นคนอารมณ์ดี ช่างคุย จึงมิต้องแปลกใจที่อาสาสมัครคนไหนลงพื้นที่เสนา จะต้องจดจำคุณตาแกละได้อย่างแม่นยำ
No comments:
Post a Comment